นานาชาติกดดันลาวตามหานักพัฒนาชุมชนแมกไซไซถูกอุ้มหายครบ 100 วัน

สำนักฃ่าวอิศรา: 27 มีนาคม 2013

‘เมียทนายสมชาย’ จี้ ‘ดีเอสไอ’ เอาจริงคดีหายตัว นานาชาติกดดันลาวตามหา ‘สมบัด เอ็นจีโอแมกไซไซ’ ถูกอุ้มหาย 100 วัน ภาคประชาสังคมไทยร่วมด้วย

วัน ที่ 27 มี.ค. 56 กองทุนรางวัลสมชาย นีละไพจิตร  มูลนิธิยุติธรรมเพื่อสันติภาพ โครงการฟื้นฟูนิเวศในภูมิภาคแม่นน้ำโขง  (TERRA) และ แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย จัดเสวนา ‘สิทธิมนุษยชนในประชาคมอาเซียน:กรณีศึกษาการสูญหายของสมบัด สมพอน และสมชาย นีละไพจิตร’ ณ คณะนิติศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ (ท่าพระจันทร์)

นางอังคณา นีละไพจิตร ภรรยานายสมชาย นีละไพจิตร ในฐานะประธานคณะทำงานยุติธรรมเพื่อสันติภาพ กล่าว ว่า ปฏิญญาอาเซียนว่าด้วยสิทธิมนุษยชนหลายมาตราไม่สอดคล้องกับหลักการสิทธิมนุษย ชนสากล เช่น ม.5, ม.7 และม.8 จึงเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่าจะคุ้มครองสิทธิของคนในภูมิภาคได้หรือไม่ โดยจากรายงานขององค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ที่ได้รับการร้องเรียนระบุอาเซียนมีผู้ถูกบังคับให้สูญหาย แบ่งเป็นประเทศลาว 1 กรณีและเวียดนาม 1 กรณี (ไม่รวมกรณีสมบัด สมพอน) พม่า 2 กรณี อินโดนีเซีย 162 กรณี ไทย 71 กรณี ซึ่งยูเอ็นเคยขอความร่วมมือรัฐบาลไทยเข้าร่วมตรวจสอบข้อเท็จจริง แต่ได้รับการปฏิเสธ

นางอังคณา ยังกล่าวถึงกรณีทนายสมชายว่าตกเป็นเหยื่อถูกบังคับให้สูญหายจากการกระทำของ เจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งคดีเกิดความไม่โปร่งใสในการสอบสวน ถูกแทรกแซง จนพยานหวาดกลัวว่าจะถูกคุกคามหลบหนีไปต่างประเทศ แม้ว่ารัฐบาลได้ร่วมลงนามในอนุสัญญาว่าด้วยการคุ้มครองมิให้บุคคลสูญหาย เมื่อปี 55  แล้ว

“กรณีคดี สมชายอาจเป็นเพียงโศกนาฏกรรมส่วนตัวซึ่งไม่ต้องมีใครรับผิดชอบ รัฐบาลอาจจะย้อนว่าได้เงินแล้วจะเอาอะไรอีก ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับสมชาย เราจะไม่ละทิ้งอุดมการณ์ที่เขามีมาตลอดชีวิต สมชาย นีละไพจิตร ไม่ใช่วีรบุรุษ แต่คือคนธรรมดาซึ่งเชื่อมั่นในความยุติธรรม”

นางอังคณา กล่าว ถึงความคืบหน้าว่าคดีลักพาตัวอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของศาลฎีกา และคดีคนสูญหายอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เป็น 1 ใน 3 คดี (คดีสมชาย นีละไพจิตร-กมล เหล่าโสภาพันธ์-อัลรู ไวลี่) ซึ่งวันนี้ดีเอสไอพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้จับกุมนายสมคิด บุญถนอม จำเลยคดีอุ้มนายอัลรู ไวลี่ นักธุรกิจชาวซาอุดิอาระเบีย เข้าคุกให้ได้ แต่คดีสมชายและกมลกลับไม่คืบหน้า  สะท้อนว่าบางทีความยุติธรรมจะเกิดขึ้นได้ต้องอาศัยปัจจัยดุลอำนาจ ซึ่งเกิดกับคนธรรมดายาก  โดยคุณสมชายเป็นกรณีศึกษาที่รัฐบาลจะต้องสร้างกลไกป้องกันการละเมิดสิทธิมนุษยชน ทั้งนี้ขอคัดค้านแนวคิดการนำกฎหมายซ้อมทรมานมารวมกับกรณีอุ้มหาย เพราะมีนิยามของคำว่าเหยื่อต่างกัน

“เหยื่อ ในอนุสัญญาซ้อมทรมานหมายถึงผู้ถูกกระทำด้วยความรุนแรงทั้งทางกาย จิตใจ และการลดทอนศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ส่วนเหยื่อในนิยามของการอุ้มหาย ไม่ได้หมายถึงผู้ถูกบังคับอุ้มหายเท่านั้น แต่รวมถึงครอบครัว พยาน และบุคคลแวดล้อมที่ต้องได้รับการคุ้มครองด้วย” นางอังคณา กล่าว

นาย วิฑูรย์ เพิ่มพงศาเจริญ นักพัฒนาด้านสิ่งแวดล้อมผู้เคยร่วมงานกับสมบัด ในฐานะผู้อำนวยการเครือข่ายพลังงานเพื่อนิเวศวิทยาในลุ่มน้ำโขง กล่าวว่าต้น เหตุของการถูกบังคับให้สูญหายจำนวนมาก เกิดจากความขัดแย้งในการแย่งชิงฐานทรัพยากร ปัญหาชาติพันธุ์ ความขัดแย้งข้ามพรมแดน เช่นเดียวกับกรณีหายตัวไปของสมบัด สมพอน (นักพัฒนาอาวุโสชาวลาวที่ได้รับรางวัลแมกไซไซสาขาพัฒนาชุมชนปี 2548) ครบ 100 วัน ซึ่งสมบัดร่วมต่อสู้คัดค้านการนำ พื้นที่ในประเทศให้เอกชนต่างชาติเช่าในระยะเวลาที่ยาวนาน ส่งมีผลกระทบให้ชาวบ้านต้องสูญเสียที่ดินโดยไม่ได้รับค่าชดเชยเลย และร่วมคัดค้านกรณีการสร้างเขื่อนไซยะบุรี ซึ่งอาจสาเหตุของการหายตัวไปหรือการเชือดไก่ให้ลิงดู

วิฑูรย์ กล่าวอีกว่ารัฐบาลลาวประเมินสถานการณ์หายตัวไปของอ้ายสมบัดต่ำเกินไปโดยบอก ว่าไม่รู้ไม่เห็น เพราะขณะนี้ประชาคมโลกกำลังหันมาจับจ้องการตามหาความยุติธรรมในเรื่องนี้

ผู้ สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อ 25 มี.ค. 56 กลุ่มองค์กรภาคประชาสังคมแห่งประเทศไทยเข้ายื่นหนังสือต่อน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เพื่อขอให้รัฐบาลไทยมีส่วนร่วมคุ้มครองสิทธิพื้นฐานของประชาชนในประเทศลาว กรณีการหายตัวไปของสมบัด สมพอน  ขณะที่นายจอห์น แครี่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสหรัฐอเมริกา ออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลลาวชี้แจงความคืบหน้า .

จากทนายสมชายสู่อ้ายสมบัด 'อังคณา' ขอนานาชาติกระตุ้น รบ.ลาวเร่งหาความจริง

ประชาไท: 27 มีนาคม 2013

ครบ 100 วันการหายตัวไปของ ‘สมบัด สมพอน’ นักกิจกรรมลาว – ‘อังคณา นีละไพจิตร’ ชี้ข้ออ่อนปฏิญญาสิทธิมนุษยชนอาเซียน ไม่อาจคุ้มครองคนใน ขอนานาชาติช่วยกระตุ้นรัฐบาลเร่งหาความจริง เพื่อนร่วมงาน ‘สมบัด’ เชื่อไม่ใช่เรื่องส่วนตัว แต่เชือดไก่ให้ลิงดู

วิฑูรย์ เพิ่มพงศาเจริญ-อังคณา นีละไพจิตร-ประทับจิต นีละไพจิตร

27 มีนาคม 56 ที่คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ กองทุนรางวัลสมชาย นีละไพจิตร ร่วมกับ มูลนิธิยุติธรรมเพื่อสันติภาพ โครงการฟื้นฟูนิเวศในภูมิภาคแม่น้ำโขง (TERRA) และแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย จัดเสวนาหัวข้อ “สิทธิมนุษยชนในประชาคมอาเซียน กรณีศึกษาการสูญหายของสมบัด สมพอน และสมชาย นีละไพจิตร มีผู้ร่วมเสวนาคือ นางอังคณา นีละไพจิตร ประธานคณะทำงานยุติธรรมเพื่อสันติภาพ ภรรยาของนายสมชายผู้ถูกบังคับให้หายตัวไป ตั้งแต่วันที่ 12 มีนาคม 2547 และนายวิฑูรย์ เพิ่มพงศาเจริญ นักพัฒนาด้านสิ่งแวดล้อมผู้เคยร่วมงานกับสมบัด และผู้อำนวยการเครือข่ายพลังงานเพื่อนิเวศวิทยาในลุ่มน้ำโขง ดำเนินรายการ โดย ประทับจิต นีละไพจิตร

ช่วงเริ่มต้นการเสวนา มีการอ่านแถลงการณ์ของ นางอ๋อง ชุย เม็ง ภรรยาของนายสมบัด นักพัฒนาชาวลาว ผู้ถูกบังคับหายตัวตั้งแต่วันที่ 15 ธันวาคม  2555 นางอ๋อง ชุย เม็ง สื่อสารมาว่า ตนเองมีความทุกข์ทรมานต่อการหายตัวไปของสามีอย่างมาก และขอแสดงความเสียใจต่อนางอังคณา พร้อมทั้งแสดงความเคารพต่อความเข้มแข็งกล้าหาญในการต่อสู้เพื่อความยุติธรรม การหายตัวไปของสมบัดนั้น นางอ๋อง ชุย เม็งเห็นว่าเกิดขึ้นโดยการรับรู้ของตำรวจและเป็นหน้าที่ที่รัฐบาลจะต้องรับ ผิดชอบ ให้เขากลับมาอย่างปลอดภัย  แม้ในภายหลัง รัฐบาลได้ยืนยันว่าตำรวจพยายามหานายสมบัดอย่างดีที่สุดแล้ว แต่ไม่พบ ตนเองก็จะยังเชื่อมั่นในการทำงานของรัฐต่อไป เพราะไม่มีทางเลือกอื่นอีก

นาง อ๋อง ชุย เม็ง เห็นว่า การทำให้บุคคลสูญหายไป เป็นการสร้างความหวาดกลัวให้แก่บุคคลในชาติซึ่งมีความคิดความเชื่อ หรือทำกิจกรรมเพื่อต่อต้านความอยุติธรรมในสังคม โดยอาจไม่ได้มีสาเหตุมาจากกลุ่มอาชญากรรม แต่อาจมาจากรัฐเอง เพื่อจะปิดปากพลเมืองที่ทำตัวมีปัญหากับรัฐ  การหายตัวไปของนายสมบัดทำให้เชื่อว่า เราไม่สามารถละเลยการละเมิดสิทธิ์ดังกล่าว เพราะคิดว่าเป็นเพียงเรื่องโชคร้ายของใครบางคน หากต้องยอมรับว่า การสูญหายโดยไม่สมัครใจเป็นอาชญากรรม ละเมิดสิทธิมนุษยชน เป็นการกระทำที่ยังไม่ถูกลงโทษ ทั้งที่เป็นการปรามาสต่อหลักนิติรัฐ

ใน การเสวนา นางอังคณากล่าวถึงการรวมกลุ่มประชาคมอาเซียนว่า การเปิดอาเซียนจะทำให้คนที่อยู่ในกลุ่มธุรกิจได้รับผลประโยชน์มาก แต่คนกลุ่มอื่นจะได้อะไร คนธรรมดา คนชนชั้นล่างๆ จะได้อะไรบ้าง นางอังคณามองว่า ภูมิภาคอาเซียนมีสิ่งงดงามอยู่ในสังคม ที่หาซื้อจากไหนไม่ได้ นั่นคือ ความเกื้อกูลแบ่งปัน ร่วมทุกข์ร่วมสุขกัน แต่เมื่อพูดถึงเรื่องสิทธิ์ การเข้าถึงความยุติธรรม ถือว่ายังเป็นรองภูมิภาคอื่นๆ Continue reading “จากทนายสมชายสู่อ้ายสมบัด 'อังคณา' ขอนานาชาติกระตุ้น รบ.ลาวเร่งหาความจริง”

Kerry Appeals to Laos in Case of a Missing Man

New York Times: 24 March 2013

By Jane Perlez

VIENTIANE, Laos — On the 100th day since the disappearance of a prominent American-educated Laotian agriculture specialist, Secretary of State John Kerry on Monday urged the government here to make public the results of an investigation into what had happened to him, and to return him to his family.

The statement by Mr. Kerry is the second by the United States since the man, Sombath Somphone, 60, was last seen being stopped in his jeep by the police on a main road of the capital, Vientiane, on Dec. 15. It was issued by the State Department in Washington on Sunday as Mr. Kerry visited Iraq.Sombath-prayer

The refusal by the Laotian government to acknowledge any responsibility for Mr. Sombath’s whereabouts has increased fears for his safety and drawn unusually strong criticism from the United States, European countries and Singapore. (His wife is a citizen of Singapore.)

A poor country of six million people on the Mekong River, Laos is ruled by a Communist leadership composed of veterans of the Pathet Lao insurgency that defeated an American-backed government in 1975.

The government has become increasingly close to China, a northern neighbor. Beijing has financed major infrastructure projects and contributed to the public security system, including the closed-circuit surveillance cameras that captured Mr. Sombath’s last moments before he disappeared.

Two days after Mr. Sombath failed to arrive home on that Saturday in December, his wife, Ng Shui Mong, accompanied by several friends, went to the municipal police station and viewed the video from the surveillance camera near the police checkpoint where her husband was stopped.

As the video played, Ms. Ng and her friends made copies with their cellphones. Those images have been posted on You Tube and on a Web site, sombath.org, as part of an international campaign to get to the bottom of Mr. Sombath’s disappearance.

The video, at times to hard decipher, shows Mr. Sombath being stopped, getting out of his jeep and walking in the direction of the police checkpoint. A motorcyclist then drives up and stops, and then gets in Mr. Sombath’s jeep and drives away. A few minutes later, a white pickup truck arrives at the scene, two men get out and Mr. Sombath then gets into the truck with them. It drives away.

The United States Embassy in Vientiane offered technical assistance to the Laotian government to enhance the quality of the surveillance video so that the license plates on the motorcycle and the truck could become clear, American officials said. The government declined the offer, the officials said.

Much of the American aid to Laos is devoted to public health services and to clearing unexploded ordnance left over from the bombing campaign the United States conducted in an effort to prevent North Vietnam from using Laos as a supply and troop corridor during the Vietnam War.

Neither the United States nor European countries have threatened to cut off aid to Laos over the Sombath case, but instead have tried to emphasize the damage it could cause to the reputation of the Laotian government, diplomats said.

In many respects, Mr. Sombath has special meaning for the United States. He first visited America as a high school exchange student on the American Field Service program in 1969. When he arrived in Wisconsin to stay with a family for a year, he spoke only basic English he had learned from an American Fulbright scholar in Laos.

Later he studied at the University of Hawaii, earning a master’s degree in agriculture, a field that became the focus of his career as promoter of sustainable farming. He founded the Participatory Development Training Center in Vientiane to teach young Laotians the skills needed for community development projects, and he was embraced in Asia and Africa for his pioneering work.

Mr. Sombath gave the keynote address at the Asia-Europe People’s Forum in October 2012 in Vientiane, a gathering of Laotian community leaders and foreign aid workers. The confiscation of land by government authorities was a major topic at the forum, and some of Mr. Sombath’s supporters believe that he was abducted as a warning to silence government critics on that subject.

Mr. Sombath’s wife, Ms. Ng, a former senior official with Unicef, has helped organize a campaign to encourage the government to tell what it knows about Mr. Sombath. A month after Mr. Sombath’s disappearance, Mr. Kerry’s predecessor as secretary of state, Hillary Rodham Clinton, appealed to the Laotian government to come forward with information.

“The Lao government has done this before,” Ms. Ng, said, referring to other unexplained disappearances of Laotian citizens. “But they have never faced this international interest.”

The United States has also expressed concern about the refusal of the Laotian government to help in the investigation of two missing American citizens and a resident, all of Laotian origin, who disappeared this year.

This month, Laotian officials in Savannakhet, a southern province, prevented a team of American investigators from reaching the site where the three men — Souli Kongmalavong, Bounthie Insixiengmai and Bounma Phannhotha — were last seen in January, officials at the American Embassy said.

Will Laos bend over EU pressure on Sombath?

Asian Correspondent: 16 March 2013

Rob O’Brien

It has been more than three months since the activist and sustainable development campaigner Sombath Somphone was last seen on a busy road in Vientiane.

Sombath Somphone
Asian luminaries pose at the backstage of the Cultural Center of the Philippines prior to awarding ceremony for the 2005 Ramon Magsaysay Awards Wednesday, Aug. 31, 2005 in Manila, Philippines. The awardees, from left, Senator Jon Ungphakorn of Thailand for Government Service, Teten Masduki of Indonesia for Public Service, Dr. V. Shantha of India for Public Service, Sombath Somphone of Laos for Community Leadership, Matiur Rahman of Bangladesh for Journalism, Literature and Creative Communication Arts and Yoon Hye-Ran of South Korea for Emergent Leadership. (AP Photo/Bullit Marquez)

The now infamous CCTV footage capturing his final moments offer the clearest indication that his disappearance was a carefully planned abduction. His jeep was stopped by police on December 15 before he was driven away in a separate vehicle and never seen again.

The government and police have continued to deny any role in his disappearance and an ongoing investigation has failed to yield any answers as to where Sombath is or why he was snatched in the first place.

Along with local and international NGOs and other supporters, his wife, Shui-Meng Ng, has built an international campaign that has kept up the pressure on the Lao government.

International delegations and diplomats continue to express concern about Sombath’s whereabouts, most recently an EU delegation, but to date Lao officials have remained staunchly on message and Shui-Meng says she’s heard the same answers time and time again.

“Members of diplomatic corp has met high level government leaders and ministers, but answers are the same: ‘We are also very concerned and doing all we can, the police have been doing an investigation, but we have not found Sombath – we are sad that this happened, etc..’” she says.

Next week will mark 100 days since his disappearance and the EU has vowed to crank up the pressure through “a new phase of international activity,” with Sombath’s case becoming a priority for the European Parliament at the UN Human Rights Council.

Dutch Senator and EU Delegation leader Tuur Elzinga was keen to spell out that the EU’s resolve won’t bend on the missing activist. “If Lao officials think the issue of Sombath’s disappearance will go away, they are wrong,” he said.

But as the 100-day milestone approaches, the long days of campaigning are beginning to take their toll on his wife.

“I am very tired and discouraged of week after week with no news and no leads, but what choice do I have but to keep trying and persevering and try every lead and every means to find Sombath?” she says.

“My life is on hold – waiting, waiting, hoping and hoping and at times feeling helpless and hopeless. I just have to keep faith that Sombath is still alive… as anything otherwise is completely unthinkable.”

Youth network demands answers over Sombath

The Nation: 16 March 2013

Nuntida Puangthong

Some 50 members of the Thai and Mekong Youth network gathered outside the Laos Embassy in Bangkok yesterday demanding the return of missing social activist Sombath Somphone.

P1050725The protest was held to seek an explanation from Vientiane authorities about his disappearance three months ago.

A CCTV video clip in the Laos capital showed the Magasaysay award winner being stopped by police at an outpost before being ushered by a group of unknown men to an unknown destination on December 15.

So far, the only response from the Laos government has been a statement from the Foreign Ministry saying he might have been abducted due to a personal or business conflict.

Sombath dedicated most of his life to community development in Laos and to help the poor. The network submitted an open letter to the embassy asking the Laos government to have relevant authorities undertake a prompt, transparent and thorough probe into Sombath’s disappearance in accordance with their obligations under the international human-rights law.

They also demanded that Laos fully disclose all progress of the investigation to Sombath’s family and others with a legitimate interest, as well as ensure that all measures are being employed to locate, rescue and return him safely to his family as soon as possible.

The group also staged a short skit at the protest site yesterday to criticise Laos for its cool response to the incident.

Meanwhile, Bounthone Chanthalavong-Wiese, president of the Alliance for Demo-cracy in Laos, yesterday issued a statement supporting the youth.

“This event demonstrates that the civil society in the Asean region loves and respects loong [uncle] Sombath and has not forgotten his kindness and his good work for the people,” the statement read. “Laos needs to change from an authoritarian one-party system to a democratic system that respects and protects human rights.”

The letter submitted by the Mekong Youth is available in English and Thai.

เยาวชนไทยร้องรบ.ลาวตามหานักพัฒนา ‘แมกไซไซ’ หายตัวลึกลับ

สำนักข่าวอิศรา: 15 มีนาคม 2013

เยาวชน ไทยลุ่มน้ำโขงยื่นหนังสือสถานทูตลาว เรียกร้อง-รณรงค์ตามหา ‘สมบัด สมพอน’ อดีตนักพัฒนาแมกไซไซหายตัวลึกลับ คาดเหตุช่วยชาวบ้านขัดผลประโยชน์cdffff

วันที่ 15 มี.ค. 56 ที่สถานทูตลาวประจำประเทศไทย เครือข่ายเยาวชนไทยและแม่น้ำโขง ประมาณ 30 คนเข้ายื่นหนังสือถึง ฯพณฯ ทองสิง ทำมะวง นายกรัฐมนตรีประเทศลาว พร้อมสำเนาถึงประธานสภาแห่งชาติ ประเทศลาว กรรมการกรมการเมืองศูนย์กลางพรรคประชาชนปฏิวัติลาว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศลาว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงป้องกันความสงบ ประเทศลาว เลขาธิการอาเซียน และสมาชิกคณะกรรมาธิการระหว่างรัฐบาลอาเซียนว่าด้วยสิทธิมนุษยชน ให้มีการสืบค้นหาตัว นายสมบัด สมพอน ผู้ได้รับรางวัลรามอนแมกไซไซ สาขาบริการชุมชน ปี  48 ภายหลังถูกกลุ่มบุคคลนิรนามลักพาตัวหายไปด้วยรถกระบะ หลังจากถูกตำรวจเรียกให้หยุดที่ด่านตรวจบนถนนท่าเดื่อ อ.ศรีสัดตะนาก  กรุงเวียงจันทร์

โดยหนังสือมี ใจความว่า ประเทศลาวเป็นภาคีของกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการ เมือง โดยในม. 9 ได้กล่าวถึงการคุ้มครองสิทธิในเสรีภาพและความปลอดภัยของบุคคล และยังลงนามในอนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการคุ้มครองมิให้บุคคลสูญหาย นอกจากนี้ประเทศลาวและประเทศสมาชิกของอาเซียนได้ลงนามร่วมกันในปฏิญญาสิทธิ มนุษยชนอาเซียน ดังนั้น ลาวจึงต้องสนับสนุน ส่งเสริม และคุ้มครองสิทธิมนุษยชน

ทั้งนี้ เรียกร้องให้หน่วยงานข้างต้น ตระหนักว่า การลักพาตัวสมบัด สมพอน คืออาชญกรรมต่อสันติภาพและความมั่นคงของภูมิภาคแม่น้ำโขงของอาเซียน เป็นสิ่งขัดขวางการพัฒนาของภูมิภาคนี้ อีกทั้งละเมิดหลักการสิทธิมนุษยชนพื้นฐาน ซึ่งเหตุการณ์รุนแรงเช่นนี้ควรได้รับการแก้ไขให้ดีขึ้นด้วยความสมานฉันท์

นอกจาก นี้ต้องสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสืบสวนการถูกลักพาตัวไปอย่างเร่ง ด่วนและโปร่งใส ภายใต้หลักสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ พร้อมเปิดเผยข้อมูลความคืบหน้าในการสืบสวนอย่างครบถ้วนแก่ครอบครัวของสมบัด และบุคคลอื่นที่ควรได้รับ ที่สำคัญจะต้องรับรองว่าจะตามหาสมบัดอย่างถึงที่สุดด้วยมาตรการทั้งหมดที่มี เพื่อช่วยเหลือให้กลับสู่ครอบคัวโดยเร็วที่สุด

น.ส.ศักดิ์สินี เอมะศิริ แกนนำเครือข่ายเยาวชนไทยและแม่น้ำโขง กล่าวว่า การหายตัวไปของท่านสมบัด สมพอน บอกไม่ได้ว่าเกิดจากสาเหตุใด แต่ส่วนตัวคิดว่าน่าจะเป็นกรณีเดียวกับการหายตัวไปของทนายสมชาย นีละไพจิตร และบุคคลอื่น ๆ ในอดีตที่ช่วยเหลือชาวบ้านที่ขัดผลประโยชน์ อย่างไรก็ตามเชื่อว่าท่านสมบัด สมพอน ยังมีชีวิตอยู่ ซึ่งเราจะสานต่อเจตนารมณ์ในการส่งเสริมการเรียนรู้ระหว่างเยาวชนด้วยกัน ตามที่ท่านเคยมีแนวทางช่วยเหลือเยาวชนในภูมิภาคอาเซียนเกี่ยวกับการส่งเสริม การเรียนรู้และเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น

“เรา ในฐานะเยาวชนจะทำกิจกรรมเรียกร้องตามหาท่านสมบัดด้วยสันติวิธี โดยไม่จำเป็นต้องไปด่า ประท้วง หรือโวยวาย แต่เราจะทำในศักยภาพของเยาวชนผ่านการแสดงออกหลายหลายแง่มุม เช่น ศิลปะ ดนตรี การแสดง” แกนนำเครือข่ายฯ กล่าว

Where is Lao activist Sombath Somphone?

Deutsche Welle: 15 March 2013

Lesen in Deutsch

中国语文

Bahasa Indonesia

Sombath Somphone went missing three months ago after being stopped at a police post. Human rights organizations allege he was ‘disappeared’ by the authorities

On Saturday, December 15, 2012 at six o’clock in the evening Sombath Somphone and his wife Ng Shui Meng left work in Vientiane, the capital of Laos. They travelled home in separate cars, agreeing to meet for dinner.

However, Sombath never arrived. Ng Shui Meng lost sight of his jeep near a police post on Thadeua Road.

Security camera footage shows what happened next. The activist was stopped by police and taken into the post. A few minutes later a motorcyclist stopped and drove off in Sombath’s jeep. Then a truck came; two people got out, took Sombath and drove off with him. He has not been seen since. His phone can also not be tracked down.

Government is not credible

Relatives and friends of the activist have come up against a wall of silence. Although the government of the one-party state officially says they are looking into his disappearance, human rights organizations believe the authorities are involved.

On December 19, the Lao Ministry of Foreign Affairs issued a statement confirming the incidents as recorded on the security camera, but claimed he was kidnapped for personal or business reasons.

Read full article

Laos campaigner's abduction sends shockwaves through activist community

NGO community fears Sombath Somphone’s disappearance represents start of a crackdown on dissenting voices

Fred Pearce

The Guardian: Wednesday 13 March 2013
laoembassy_595(cropped)

Sombath Somphone was snatched on a busy street in Laos’ capital Vientiane last December, while police officers looked on. The 60-year-old was stopped by police in his 4×4, but two people in plain clothes bundled him into another vehicle and he has not been seen or heard of since. The police and other government authorities state they had no part in his abduction and do not know where he is.

The nature of Sombath’s disappearance has shocked local environmental activists and non-governmental organisations. He is a highly respected community worker and green campaigner, and worked for more than 30 years on grassroots community activity including consulting for Unicef, where his wife also worked.

He founded the Participatory Development Training Centre, which educates rural Laotians in everything from fish farming to rice milling and microcredit to recycling household waste. In 2005, he won the Ramon Magsaysay award for social activists, often called the Asian Nobel prize. Colleagues in the NGO community fear that his abduction represents the beginning of a state crackdown on dissenting voices.

His wife, Shui-meng Ng said: “I believe that he is still alive but I do not know in what condition. He is in need of daily medication for prostate cancer. He has not received his medication since his disappearance.”

She remembers the day of his disappearance . “We normally go out in the same car, but that Saturday I had to go first. I took the car, and Sombath took the jeep.” They met later to go home for dinner. “I drove my car in front, and he drove behind me.” So far, so normal.

They became separated when Sombath was stopped at a police checkpoint.

“After that, I did not see his car. I thought nothing about it. I went home. When he did not return, I called his phone, but it was switched off. I thought it had run out of battery. By around midnight, I started to worry. We went out looking for him. We went to the hospitals. Next morning, we reported to the police.”

Then she had an idea that led to evidence which threatens to undermine Laos’s attempts to portray itself as a Communist country undergoing political reform.

They sent her CCTV footage whichcan be viewed online. It shows Sombath being stopped, a motorcyclist turning up and taking his vehicle, and then Sombath being abducted and driven away in a white 4×4 with flashing lights. Complicit or perhaps fearful, the police do not intervene.

Shui-meng said: “We never suspected anything like this. But Vientiane is very small, and if people want to follow us or find out where we are, it is easy.”

Despite the disturbing evidence of the CCTV footage, state authorities blame “business rivals”, even though he has no business.

His friends in Laos’ international community believe his trouble began when he organised a high-profile meeting of Laos community leaders. The Asia-Europe People’s Forum took place just before Laos played host to a summit of heads of state from Europe and Asia – an outward sign that Laos was throwing off years of isolation and socialist dogma.

The forum had official approval. It was opened by the deputy prime minister, Thongloun Sisoulith, widely regarded as a liberal. Sombath encouraged delegates to speak freely. One working group discussed land grabbing, a hot topic in the country. According to foreign observers at the meeting, one woman said her ethnic group did not want to be turned into labourers on a rubber plantation. But then the facade of state liberalism seemed to crack.

The woman, who activists have requested is not named for her own safety, was attacked by government officials who were filming speakers and taking notes. Days later, officials visited her home village. In an atmosphere of intimidation, Sombath approached his government counterparts in organising the meeting to solve the crisis.

Anne-Sophie Gindroz, the Laos director of Helvetas, a Swiss-based agricultural development NGO who had organised the land workshop, wrote to foreign donors underlining the “serious constraints on freedom of expression” in a country where “there is little space for meaningful democratic debate”.

The government read her letter and, on 7 December, the ministry of foreign affairs wrote to her boss in Zurich accusing her of waging an “anti-government campaign”. She was given 48 hours to leave the country.

Eight days later, after returning from Burma, Sombath disappeared. The US state department, UN human rights commission, fellow recipients of the Magsaysay award and many others have pleaded with the Laos government to find and release Sombath. But so far there is no sign.

Supporters fear the police, while supposedly trying to find Sombath, are trying to dig up dirt on him. Shui-meng said they had visited his village, asking about his drinking and whether or not he holds an American passport .He does not, although he was educated in the US and has many foreign friends.

Shui-meng said: “I do not fear any threat to my own safety. I plan to stay until I get Sombath back safely. We have worked together for 30 years to improve Laos people’s wellbeing and livelihoods. We have done nothing wrong. We have done everything openly and in full public view, and have abided by the law of the land.”

SP-Senator Tuur Elzinga in Laos om zorgen over vermissing

SP.NL, 10-03-13

Deze week bracht een Europese delegatie onder leiding van SP Eerste-Kamerlid Tuur Elzinga haar grote zorgen over het welbevinden van Sombath Somphone over aan regering en parlement van Laos. Sombath is in Laos bekend geworden door zijn talent mensen uit alle uithoeken van het land te scholen, te organiseren en te betrekken bij de sociale en duurzame ontwikkeling van hun land. De vrees bestaat nu dat hij daarmee niet alleen vrienden heeft gemaakt, aangezien hij op 15 december van het afgelopen jaar bij een routineverkeerscontrole staande werd gehouden en niemand sindsdien meer iets van hem heeft vernomen.

SP-senator Tuur Elzinga in LaosSP-senator Tuur Elzinga Elzinga biedt namens de delegatie de unaniem door het Europees Parlement aanvaarde motie over de zaak Sombath aan

De regering heeft enkele dagen na de vermissing een formeel onderzoek gelast, maar de delegatie is van de gerapporteerde resultaten zover niet erg onder de indruk. Senator Elzinga: ‘De regering en politie moeten hier echt hogere prioriteit aan geven. Ik heb de regering gezegd dat ik er alle vertrouwen in heb dat ze het snel op kunnen lossen, dat ik niet in de details van hun onderzoek geïnteresseerd ben, maar alleen in het resultaat.’

Ook heeft de delegatie de boodschap overgebracht dat in het belang van Laos een snelle oplossing gewenst is. Elzinga: ‘Ik heb de onderminister van Buitenlandse Zaken en een delegatie van het parlement in Laos duidelijk gemaakt dat deze kwestie zich niet vanzelf oplost. Zolang Sombath niet veilig met zijn familie wordt verenigd zal deze verdwijning alle agenda’s van het internationaal overleg over en met Laos domineren, of het nu de VN Mensenrechtenraad is of overleg binnen de Wereldhandelsorganisatie waar Laos net vorig jaar is toegetreden.’

Elzinga zette zijn boodschap kracht bij door namens de delegatie de op 6 februari unaniem door het Europees Parlement aanvaarde motie over deze zaak aan te bieden. Deze motie volgde op een bezorgde brief aan parlement en regering van Laos, ondertekend door vele nationale parlementariërs uit landen uit Zuidoost-Azië en Europa en Europarlementariërs. De betrokkenheid van parlementariërs uit deze regio’s komt voort uit het meest recente project van Sombath, de medeorganisatie van het Asia Europe Peoples Forum dat in oktober in de Laotiaanse hoofdstad Vientiane werd gehouden. Dit internationale forum van maatschappelijke organisaties uit Europa en Azië leverde – samen met een forum voor parlementariërs en een business forum – inbreng voor de ASEM-top van regeringsleiders uit beide regio’s, die kort daarop ook in Vientiane plaatsvond. Kort na de afronding van dit evenement verdween Sombath.

De delegatie heeft uitgebreid gesproken met de vrouw van Sombath en had daarnaast ontmoetingen met de permanente vertegenwoordiger van de EU en verschillende Ambassadeurs van EU-landen in Laos, de Nederlandse Ambassadeur voor de regio in Bangkok en verschillende vertegenwoordigers van maatschappelijke organisaties in Laos.

Voor meer informatie over Sombath, zie de Engelstalige website https://sombath.org/