แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล: 15 ธันวาคม 2015
เนื่องในวันครบรอบ 3 ปีการหายตัวไปของนายสมบัด สมพอน ผู้นำภาคประชาสังคมของลาว ผู้อำนวยการสำนักงานแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลใน 49 ประเทศได้ส่งจดหมายถึงทางการลาวเพื่อ ย้ำเตือนถึงความกังวลจากทุกมุมโลกต่อการหายตัวไป และการขาดการสืบสวนอย่างมีประสิทธิภาพในกรณีของนายสมบัด สมพอน
นายทองสิง ทำมะวง
นายกรัฐมนตรี
สำนักนายกรัฐมนตรี
นะคอนเวียงจันทน์
สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว
15 ธันวาคม 2558
กราบเรียน ท่านนายกรัฐมนตรี
ครบรอบสามปีการหายตัวไปของนายสมบัด สมพอน
เนื่องในโอกาสครบรอบสามปีการหายตัวไปของนายสมบัด สมพอน ทางผู้อำนวยการสำนักงานแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลในประเทศต่าง ๆ ดังรายนามที่ปรากฏแนบท้าย ขอส่งจดหมายฉบับนี้เพื่อย้ำเตือนรัฐบาลภายใต้การนำของท่าน ถึงความกังวลจากทุกมุมโลกต่อการหายตัวไป และการขาดการสืบสวนอย่างมีประสิทธิภาพในกรณีของนายสมบัด สมพอน
การหายตัวไปของนายสมบัด สมพอนเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง เพราะถึงแม้ว่า ได้มีภาพจากกล้องวงจรปิดที่สามารถบันทึกเหตุการณ์ที่แสดงให้เห็นถึงการลักพาตัวนายสมบัด สมพอน ณ ด่านตรวจของเจ้าหน้าที่ตำรวจบนถนนท่าเดื่อ อำเภอสีสัดตะนาก กรุงเวียงจันทน์ ในตอนค่ำของวันที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๕ จนถึงปัจจุบันนี้ ยังไม่มีความคืบหน้าในการดำเนินการสืบสวนเพื่อหาตัวและนำนายสมบัดกลับคืนสู่ครอบครัวอย่างปลอดภัย
พวกเราตั้งข้อสังเกตว่า ในระหว่างการพิจารณาสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนภายใต้กลไก Universal Periodic Review (UPR) ขององค์การสหประชาชาติเมื่อเดือนมีนาคม พ.ศ. 2558 นั้น ผู้แทนจากสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวได้ชี้แจงว่า
“…คณะกรรมการสืบสวนได้เปิดรับคำแนะนำและข้อคิดเห็นต่าง ๆ อันจะเป็นประโยชน์ต่อการสืบสวนเสมอ และยังพร้อมที่จะเปิดรับคำแนะนำจากทุกฝ่ายที่ให้ความสนใจกับการสืบสวนที่กำลังดำเนินอยู่ ท่านผู้แทนได้ให้ความมั่นใจว่า เจ้าหน้าที่รัฐยังคงกำลังดำเนินการสืบสวนกรณีดังกล่าวอย่างละเอียด ถี่ถ้วน เพื่อค้นหาข้อเท็จจริงและนำตัวผู้กระทำผิดเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมตามกฎหมายต่อไป” [1]
อย่างไรก็ตาม คำกล่าวอ้างดังกล่าวและคำกล่าวอื่นๆ ของหน่วยราชการที่ว่ามีการดำเนินการสืบสวนอยู่นั้น เป็นสิ่งที่ยากจะเชื่อถือ เพราะกระทรวงต่างๆ ที่รับผิดชอบยังไม่ได้เปิดเผยข้อมูลใดๆ ที่เป็นรูปธรรมและโปร่งใสว่า ได้มีการสืบสวนอย่างละเอียดถี่ถ้วนโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว ในทางกลับกัน ทั้งเจ้าหน้าที่รัฐและรัฐบาลลาวกลับมิได้ให้การตอบสนองอย่างเพียงพอต่อการร้องขอข้อมูล มักปฏิเสธที่จะตอบสนองใดๆ อีกทั้งยังมีความพยายามที่จะยุติ หรือหลีกเลี่ยงที่จะกล่าวถึงความกังวลของภาคประชาสังคมลาวและระดับภูมิภาคต่อการบังคับบุคคลให้สูญหายกรณีนายสมบัด สมพอน
การบังคับบุคคลให้สูญหายเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนและอาชญากรรมขั้นร้ายแรง แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลมุ่งมั่นรณรงค์ต่อกรณีการบังคับบุคคลให้สูญหายทั่วโลก รวมถึงผู้ที่หายตัวไปแล้วเป็นเวลาหลายปี โดยบุคคลอันเป็นที่รักซึ่งตกเป็นผู้เสียหายของการละเมิดสิทธิมนุษยชนด้วยเช่นกัน ยังคงติดตามชะตากรรมและตามหาตัวสูญหายต่อไป ในปีหน้าเรามุ่งมั่นรณรงค์เรื่องนี้ต่อไปเพื่อนายสมบัด สมพอน โดยจะหยิบยกกรณีของเขาขึ้นมากล่าวถึงในทุกๆ โอกาส และจะผลักดันให้รัฐบาลและหน่วยงานต่าง ๆ กระทำเช่นเดียวกันต่อไป
แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ขอเรียกร้องให้รัฐบาลลาวภายใต้การนำของท่านนายกรัฐมนตรี ใส่ใจต่อการเรียกร้องที่ผ่านมาของพวกเรา ให้มีการจัดตั้งคณะกรรมการอิสระชุดใหม่เพื่อรับผิดชอบในการทบทวนหลักฐานทั้งหมดอย่างละเอียดถี่ถ้วนและเป็นธรรม รวมถึงการพิจารณาภาพจากกล้องวงจรปิดซึ่งมีรายละเอียดเหตุการณ์การลักพาตัวนายสมบัด สมพอน โดยระบุตัวและสอบสวนผู้ที่ปรากฏในภาพทั้งหมด อีกทั้งให้รายละเอียดเกี่ยวกับรถกระบะสีขาว ซึ่งเป็นพาหนะที่มีผู้พบเห็นนายสมบัดเป็นครั้งสุดท้าย
เมื่อลาวกำลังจะก้าวขึ้นสู่การเป็นประธานอาเซียนในปีพ.ศ. 2559 นี้ สายตาทุกคู่ย่อมหันมาจับจ้องมองประเทศยิ่งกว่าเดิม เป็นที่น่าเสียใจว่า ในปีต่อไปเวทีประชาชนอาเซียน (ASEAN People’s Forum) ซึ่งโดยปกติแล้วจะมีประธานอาเซียนเป็นเจ้าภาพ แต่กลับไม่ได้จัดขึ้นในประเทศลาว เวทีดังกล่าวเป็นโอกาสที่องค์กรและกลุ่มภาคประชาสังคมในอาเซียนจะมาร่วมกันเพื่อจัดกิจกรรมหลากหลาย และพบปะพูดคุยกันในประเด็นที่ทุกคนในภูมิภาคนี้มีความห่วงใย ซึ่งหลายกลุ่มหลายองค์กรได้แสดงความห่วงใยต่อกรณีการหายตัวไปของนายสมบัด สมพอนเช่นกัน ซึ่งเป็นเรื่องน่าเศร้าที่จำกัดเสรีภาพใน การแสดงออกและการชุมนุมอย่างสงบ โดยปิดกั้นมิให้ลาว โดยเฉพาะภาคประชาสังคม ได้รับประโยชน์จากการพบปะกันครั้งนี้
ท้ายนี้ พวกเราผู้ลงนาม มีความคาดหวังอย่างจริงใจว่า หน่วยราชการที่เกี่ยวข้องจะยอมรับข้อเสนอทั้งหมดที่ว่าด้วยการให้ความช่วยเหลือในการตามหาตัวนายสมบัด สมพอนอย่างแท้จริง และให้การประกันว่าจะมีการนำตัวผู้รับผิดชอบต่อการบังคับบุคคลให้สูญหายนี้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมอย่างเป็นธรรม แม้รัฐบาลภายใต้การนำของท่านจะยังไม่ให้สัตยาบันในอนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการคุ้มครองบุคคลทุกคนจากการหายสาบสูญโดยถูกบังคับ แต่การได้ลงนามในอนุสัญญาถือเป็นก้าวแรกที่นำมาซึ่งความรับผิดชอบและพันธกรณีในการดำเนินการให้สอดคล้องต่อเจตนารมณ์ของสนธิสัญญาฉบับนี้ พวกเราขอเรียกร้องให้รัฐบาลลาวเคารพต่อพันธกรณีด้วยการให้สัตยาบันต่ออนุสัญญานี้โดยเร็วที่สุด และทำให้มั่นใจว่าจะมีการสืบสวนกรณีการหายตัวไปของนายสมบัด สมพอนอย่างละเอียดถี่ถ้วนและเป็นธรรม โดยให้ข้อมูลแก่ครอบครัว และแจ้งผลต่อสาธารณะโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
สำเนาของจดหมายฉบับนี้ ได้ส่งให้กับสถานทูตของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวในประเทศต่างๆ และจะเผยแพร่ในเว็บไซต์ของแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลต่อไป
ขอแสดงความนับถือ